เรื่องราวชีวิตของเบโทเฟ่นและโปรโคเฟียฟได้ถูกถ่ายทอดผ่านวีดีโอนี้ โดยเรื่องราวถูกจัดวางใหม่ ร่วมด้วยกับดนตรีที่ถูกทำขึ้นเพื่อนำเสนอปรากฏการณ์เดจาวู จากที่ได้ค้นคว้าอ่านข้อมูลประวัติของนักประพันธ์ทั้งสองคน คิดว่าเขาทั้งสองมีความมั่นใจ หนักแน่นทางอุดมการณ์ความคิดและสิ่งที่คิดจะทำ 

ด้วยสภาพแวดล้อม สังคม ครอบครัว เพื่อนฝูงนั้นที่มีส่วนต่อตัวตนของคนทุกคน รวมถึงเบโทเฟ่นและโปรโกเฟียฟ ภายใต้ตัวตน อารมณ์ ความนึกคิดนั้นก็ถูกหล่อหลอมมาจากประสบการณ์ที่ได้รับ จนเข้ามาตัวในตัวเรา และเป็นเราในที่สุด

จากที่ได้ข้อมูลมาเบโทเฟ่นมาจากในครอบครัวที่มีพ่อและบรรพบุรุษเป็นนักดนตรี พ่อของเขาคิดอยากที่จะปั้นลูกของตนให้เป็นแบบโมสาร์ท ทำให้เขาถูกพ่อเคี่ยวเข็นและตีกรอบทางความคิดของเขาให้อยู่ในกรอบ ทั้งๆที่เขาเป็นคนที่มีความคิดที่สร้างสรรค์และมีความคิดเรื่องดนตรีที่ต่างจากคนในยุคนั้น ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นที่รู้จักและผลงานของเขาก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนทางวงการดนตรีตะวันตกไปเลย ด้วยความคิดสร้างสรรค์ต่างๆของเขานั้นผ่านประสบการณ์

เพื่อนคนหนึ่งของเบโทเฟ่นคือกวี เกอเธ่ ชาวเยอรมันก็เป็นคนนึงที่เบโทเฟ่นเคยใช้เวลาด้วยและมีอิทธิพลทางความคิดกับเขาด้วย ซึ่งมันก็ส่งผลไปถึงงานดนตรีของเขาด้วยเช่นกัน เคยอ่านเจอว่าเกอเธ่เป็นคนนึงที่เบโทเฟ่นเชื่อและยอมทำตามที่เกอเธ่บอก 

​

โปรโคเฟียฟเกิดมาอยู่ในครอบครัวที่มีพร้อม และผู้คนพร้อมสนับสนุนในการเรียนดนตรีของเขา โปรโคเฟียฟหลังจากเข้าเรียนที่St Petersbrug conservatory เขาได้พบปะได้รู้จักเรียนรู้จากนักประพันธ์เพลงที่มีความสำคัญในยุคนั้นมากมาย คิดว่าเขาน่าจะเป็นคนหัวไวด้วย ทำให้สามารถพัฒนาความคิดได้เรื่อยๆ แต่ก็เคยอ่านเจอว่าเขาเคยที่คะเเนนเรียนได้ไม่ดีอยู่บ้างเหมือนกัน และด้วยยุคที่โปรโคเฟียฟอยู่นั้นเป็นช่วงที่เกิดสงครามโลก แล้วในประเทศของเขา รัสเซียก็ขาดอิสระในการใช้ชีวิตรวมถึงเพลงของเขาก็ถูกไม่ได้แสดงด้วยเหมือนกัน ซึ่งพอมาเห็นแบบนี้แล้ว ในยุคของเบโทเฟ่นกับยุคของโปรโคเฟียฟก็แตกต่างกัน แต่ทั้งสองคนนั้นมีความต่อสู้และมุ่งมั่นในการทำผลงานเพลงออกมาไม่ว่าจะมีอุสรรคอะไรทั้งทางร่างกาย ทางสังคม ผู้คน ผู้คนที่ต่างความคิดแต่ทั้งเบโทเฟ่นแต่โปรโคเฟียฟก็ยังชัดในความคิด และสิ่งที่ตนอยากจะทำมากจนเวลาล่วงเลยมาถึงปัจจุบันทำให้ฉันได้ศึกษาชีวิตเขาและได้เห็นถึงสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตทั้งสองคน ฉันจึงรู้สึกทึ่งว่าเขาผ่านมันมาได้ และกลายเป็นประวัติศาสตร์ ได้สร้างงานดนตรีให้คนเช่นฉันได้มารู้จักเขาทั้งสอง และเห็นภาพอดีตของพวกเขาชัดขึ้นผ่านทางข้อมูลต่างๆและโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือผลงานเพลงของเขา

​

ในรีไซทอลนี้ฉันหวังว่าตัวเองจะทำให้คนฟังรู้สึกถึงสปิริทที่มีอยู่ทั้งในเพลงและในตัวฉันเอง ฉันคิดว่าทุกคนล้วนมีมันในตัว แต่มันจะเห็นก็เมื่อถึงเวลาของมัน และเมื่อคนๆนึงได้เรียนรู้ รู้สึกถึงคนๆนั้นจริงๆ จะรู้สึกถึงสิ่งนั้นที่มันอยู่ในตัวคนนั้น เป็นคนๆนั้นนั่นเอง