Violin Concerto No.1 in D Major, Op.19

Composed by : Sergey Prokofiev

I.Andantino

II.Scherzo

III.Moderato

​

เซอร์เก โปรโคเฟียฟเกิดในครอบครัวที่มีพร้อมและเริ่มเรียนรู้ดนตรีจากแม่ของเขาที่เป็นนักเปียโน แม่ของเขาค่อนข้างมีความสําาคัญในชีวิตของเขา มากในเรื่องของดนตรี เพราะแม่เป็นคนเริ่มสอนเปียโนให้เขา แม่เขามีความชอบในบทเพลงของเบโทเฟ่น, โชแปงและลิสท์ทําให้โปรโคเฟียฟ ได้ฟังตอนเด็กอยู่บ่อยๆ แม่เขาได้พาไปเข้าเรียนที่สถาบันดนตรีเซ็นท์ปีเตอร์สเบิร์กทําาให้โปรโคเฟียฟได้เจอและได้แลกเปลี่ยนความรู้กับนัก ประพันธ์เพลงมากหน้าหลายตามากขึ้น โปรโคเฟียฟเป็นคนค่อนข้างมีความคิดเป็นของตัวเอง มีความต้องการในการทําาสิ่งต่างๆค่อนข้างชัดเจน มีความคิดในการที่อยากจะสร้างสิ่งใหม่ ในช่วงที่มีสงครามเขาได้รับการยกเว้นจากทหารจากการลงชื่อเป็นนักออร์แกน และหลังจากการ ปฏิวัติโปรโคเฟียฟได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศได้ เขาได้นําาสกอร์เพลงของเ\

 

ขาไปด้วย ตอนนั้นเขาเดินทางไปอเมริกา ไวโอลิน คอนแชร์โตเบอร์นี้ก็เป็นผลงานนึงที่เขานําไปด้วยครั้งนั้น หลังจากที่เขาประสบความสําาเร็จทางงานดนตรีในการไปอเมริกาครั้งแรก โปรโคเฟียฟก็คิดจะย้ายไปอาศัยอยู่กรุงปารีส เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น16ปี ตอนนั้นผลงานของเขาไม่ค่อยเป็นที่นิยมเนื่องจากแนวดนตรีของเขา มันใหม่เกิน คนที่นั่นไม่ค่อยเข้าใจ เขาจึงคิดจะกลับไปที่บ้านเกิด สถานที่ที่ผลงานของเขายังเป็นที่ยอมรับ เขาไปใช้ชีวิตที่มอสโก ในปีค.ศ.1936 และปีค.ศ.1948โปรโคเฟียฟถูกโจมตีจากทางการครั้งแรกว่าดนตรีของเขามันไม่สอดคล้องกับกฏหมาย ดนตรีของเขาถูก ห้ามแสดง ในอายุ54ปีของเขา โปรโคเฟียฟนับได้ว่าเป็นนักแต่งเพลงชั้นแนวหน้าของสหภาพโซเวียต เขามีความสนใจในเรื่องของนวัตกรรมดนตรี โปรโคเฟียฟเดินทางไปต่างประเทศเพื่อหาความรู้และสร้างผลงานต่างๆ เขามีความสนใจการ ประพันธ์บัลเล่ต์ การทําางานดนตรีร่วมกับการสร้างภาพยนตร์ ในช่วงหลังของชีวิตเขาป่วยหนักเรื่อยๆจนได้เสียชีวิตในช่วงอายุ61ปี 

ไวโอลินคอนแชร์โตเบอร์หนึ่งเป็นเพลงที่เขายังคงแสดงออกถึงความเป็นยุคโรแมนติคอยู่ เขาแต่งตอนนั้นเป็นช่วงที่เขาค่อนข้างยุ่งอยู่กับการ แต่งโอเปร่าเรื่อง เดอะ แกมเบลอ (The Gambler) เขาเขียนคอนแชร์โต้เบอร์หนึ่งนี้โดยมีความคิดว่าจะแต่งเป็น คอนแชร์ติโน้ (คอนแชร์โต้ สั้นๆ) โปรโคเฟียฟได้แรงบันดาลใจในการแต่งทําานองของคอนแชร์โต้นี้มาจากตอนที่เขาไปดูการแสดงบทประพันธ์เพลงของคาโรล ซิมานอฟ สกี (Karol Szymanowski) นักประพันธ์ชาวโปแลนด์ เพลงชื่อ “Myths”

​

Sergey Prokofiev was born in the Ukraine and lived a comfortable life. He began studying piano with his mother, who
was a pianist. His mother inspired him to start his musical career. She liked Beethoven, Chopin, and Liszt’s works. Prokofiev heard his mother playing those composers all the time throughout his formative years. Next 1904, he was accepted by the St. Petersburg Conservatory where he met many famous composers and exchanged ideas and tech- niques with them. Prokofiev was free thinker and had tremendous energy to achieve his musical vision. 

At the time of the first World War, he got exempted by the commissar of culture under Lenin in 1918 to travel to abroad. He went to America. He also took his scores including this concerto with him. After encountering success in America, Prokofiev moved to Paris where he lived for 16 years. However, his music wasn’t successful there and was judged too complicated and radically new. Prokofiev went back to his home country where his music was still acceptable. In 1936, he moved to Moscow.In 1948, Prokofiev was accused of making music that didn’t follow the acceptable rules of the time. His music would not be performed in public anymore after he was 54. 

Prokofiev was a great composer from the Soviet Union. He was interested in musical innovation and traveled to many places to gather more knowledge and create new works. He also had a keen interest in ballets and films for which he composed many scores. At the end of his life, he was very sick. He couldn’t live that long because of his sickness. 

The Violin Concerto No.1 in D Major, Op.19 is a piece reflecting Prokofiev’s romantic tendencies. He started to compose it while working on “The Gambler” opera so he didn’t had much time to focus with this work. This movement was inspired by a performance of Karol Szymanowski’s “Myths” The Polish composer.

​

​

Sonata for piano and violin No.2 in A Major, Op.100

Composed by : Johannes Brahms

I.Allegro amabile

II.Andante tranquillo

III.Allegretto grazioso

​

โยฮันเนส บรามส์เกิดที่ประเทศเยอรมันนีในปีค.ศ.1833ที่เมืองฮัมบวร์กโดยมีคุณพ่อเป็นนักดนตรีเล่นดับเบิลเบส โดยบรามส์ได้เริ่มเรียนเปียโนในช่วงอายุประมาณ7ขวบ บรามส์ได้ใช้ความสามารถในการเล่นดนตรีของเขาหารายได้ช่วยครอบครัวได้ ในช่วงอายุ15ปี โดยการเล่นดนตรีตามสถานที่ต่างๆในเมือง และได้ประพันธ์เพลงด้วย เขาเป็นนักประพันธ์เพลงในยุคโรแมนติคที่ยังมีความเคร่งครัดในแบบแผนการประพันธ์เพลงเหมือนกับยุคคลาสสิค บรามส์ได้รู้จักกับนักประพันธ์เพลงโรเบิร์ต ชูมันผ่านนักไวโอลินJoseph Joachim และคลาร่า ชูมัน เขาสามคนมีความสนิทสนมกัน บรามส์มีความสามารถในการแต่งเพลงเช่นพวกซิมโฟนี, โซนาต้า, แชมเบอร์, เพลงสำหรับเปียโนและเพลงร้อง โดยเพลงโซนาต้า เบอร์2 คีย์เอเมเจอร์ โดยบรามส์บอกว่าโซนาต้าเบอร์สองสำหรับเปียโนและไวโอลินนี้ เปียโนมีความสำคัญเท่ากับไวโอลิน

ในเบอร์นี้มีความโดดเด่นที่เมโลดี้มีความลื่นไหลมากๆ และเบอร์นี้ยังคงเป็นเบอร์ที่สั้นที่สุดในสามเบอร์ ซึ่งบรามส์ได้แต่งขึ้นในช่วงน่าร้อนปีค.ศ.1886ที่เขาไปอยู่ที่สวิสเซอแลนด์ช่วงนั้น บรามส์ได้ใช้ชีวิตทัวร์แสดงคอนเสิร์ตแสดงผลงานการประพันธ์ที่เยอรมัน ออสเตรีย

สวิสเซอแลนด์ เนเธอแลนด์ รวมถึงฮังการีและโปแลนด์ ในช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาอาศัยอยู่ที่เวียนนา ออสเตรีย และตัดสินใจทำงานประพันธ์เพลงเป็นหลัก

​

Johannes Brahms was born in Hamburg, Germany in 1833, his father was a musician played the double bass. Brahms started to study piano at the age of 7. Brahms use his musical talents to earn money for his family while he was 15 years old. He played in the different places in his hometown, he also composed, his style is in the romantic period but he still sticks in the way to composed to classical period way. Brahms was known Robert Schumann from his friend, a violinist Joseph Joachim and Clara Schumann, they were close friends. 

 

This sonata No.2 in A Major, Op.100. the piano part was very hard and it also very important for this sonata, the melody was lyrical. This sonata is the shortest one from his violin three sonatas. He composed this piece in summer in 1886, He was in Switzerland for a vacation. Brahms spend his life tour the concerts to many countries, Germany, Austria, Switzerland, Netherland, Hungary, and Poland. The last period of his life he lived in Vienna, Austria and decided to work as a composer.

​

Violin Sonata No.2 in A Minor, BWV 1003

Composed by : Johann Sebastian Bach

I.Grave 

IV.Allegro

​

โยฮันเนส เซบาสเตียน บาคเกิดที่เมืองไอเซนนาค ประเทศเยอรมันนี บาคเป็นนักดนตรีและนักประพันธ์เพลงในยุคบาโรก เขามีความสามารถอย่างหลากหลาย ทั้งการเล่นออร์แกน ฮาร์ปซิคอร์ด การร้องเพลง และเล่นไวโอลิน เขาเกิดมาในครอบครัวนักดนตรี มีพ่อเป็นนักไวโอลิน แต่เขาต้องสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เขาอายุ10ขวบ เขาเลยต้องอยู่ในความรับผิดชอบของพี่ชาย (โยฮัน คริสตอฟ บาค) ซึ่งพี่ชายเขานั้นได้เรียนออร์แกนอยู่กับโยฮัน พาชาเบล (Johann  Pachelbel) บาคก็ติดสอยไปด้วยไปเรียนด้วย และด้วยความสามารถที่เขามี เขาสามารถช่วยครอบครัวหารายได้โดนการไปเป็นนักร้องคอรัสด้วย บาคมีโอกาสได้เข้าเรียนที่โรงเรียนของโบสถ์ ชื่อมิครเอลิสสกูล ในเมืองลูนเบิร์ก หลังจากค.ศ.1700 นั้นเขาได้ตัดสินใจที่จะโฟกัสกับการเล่นดนตรีมากกว่าหลังจากที่เสียงเขาเริ่มเปลี่ยนไป เขาได้ไปเริ่มทำงานเป็นนักออร์แกนประจำเมืองอยู่ที่เมืองอาร์นสตัดต์ในปีค.ศ.1703-1707 แล้วก็ที่มุลเฮาเซน (Mühlhausen)อยู่ไม่นาน ไปใช้ชีวิตในไวมาร์โดยดำรงตำแหน่งเป็นนักไวโอลินเดี่ยวและนักออร์แกนประจำวิหารส่วนตัวของดยุคแห่งไวมาร์ และก็ย้ายไปที่ เคอเท่น (Cöthen) ซึ่งเป็นช่วงที่เขาได้แต่งเพลงชุดโซนาต้ากับพาร์ติต้านี้ ซึ่งได้เสร็จตอนช่วงปีค.ศ.1720  และบาคใช้ช่วงชีวิตสุดท้ายในไลฟซิกโดยต้องประพันธ์เพลงสำหรับใช้ในงานต่างๆของโบสถ์อยู่บ่อยมาก

หลังจากที่เขาเสียชีวิตอยู่เขาดนตรีของเขาก็ถูกลืมไป แต่เมนเดลโซนเป็นที่หยิบงานของบาคขึ้นมา เลยได้เป็นที่รู้จักมาจนปัจจุบัน

บาคได้ประพันธ์บทเพลงที่ใช้สำหรับในโบสถ์ ในพิธีกรรมต่างๆทางศาสนาคริสต์ เขาใช้ชีวิตเกี่ยวข้องกับสภาคริสตจักรมาเรียกว่าตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้

​

Johann Sebastian Bach was born in Eisenach, Germany. Bach was a musician and composer in the Baroque period. He had many skills in music. He can play the organ, harpsichord, also singing and playing the violin. His family was a musical family, his father was a violinist but his parents died when he was 10 years old so he has to be in the care of his brother, Johann Christoph Bach, his brother has studied the organ with Johann Pachelbel so Bach was going with his brother and studied the organ. He was talented so he was singing in a chorus to earn money.​ Bach was studied at the Michaelisschule at Lüneburg, after 1700 he decided to focus with play music more than singing. He started to work as an organist in Arnstadt in 1703-1707 after that he moved to Mühlhausen in a short period, then he moved to live in Weimar and work as a violinist and organist then moved to Cöthen and it's the time that he composed for sonatas and partitas. He finished it in 1720. Bach used his time for his last period of life in Leipzig, he used all his time to composed music for the church. After he died his music was not known from the people but after Mendelssohn has taken his works out until now we are still playing his music. All of his life, he used most of the time to composed music for the churches. 

​