top of page

Interviews

References

Question: ในขณะที่เราต้องซ้อมต้องเล่นดนตรีคุณมีวิธีการหรือมีความคิดเห็นยังไงกับการที่คุณนั้นจะสร้างเสียงดนตรีที่ผ่านออกมาจากความเป็นตัวคุณความเป็นspritualมาจากภายในของตัวคุณจริงๆอะไรลึกๆข้างในเราที่เราอยากจะสื่อมันออกมาจากดนตรีที่เราเล่นมันเป็นยังไงมันมีอะไรบ้างข้างในเราขณะนั้น

I have some questions to you guys if you are musicians please share your experiences for me "We usually have to practice and do the performances, in the way of practicing and playing the music, how do you do or what do you think while you playing the music (in the spiritual way). What 's inside you while you want to expressing that your spirits. What' s behind your thought at that time?"

Answers:

-คงจะเป็นความตั้งใจในการซ้อมของเรามั้งคะ ทุกครั้งที่เราperformเราอยากให้คนอื่นรับรู้ถึงความตั้งใจของเเต่ละโน้ตที่เราเล่นออกมา หนูค่อนข้างไม่ค่อยสนใจในคาแรคเตอรํของเพลงสักเท่าไหร่(ซึ่งมันไม่ค่อยดี555)​แต่ว่าทุกครั้งที่เล่นก็จะพยายามสื่อenergyในตัวเราให้ไปถึงคนดูให้ได้ เราอยากให้คนดูได้รับenergyของเรามากกว่าความง่วงนอนค่ะ555

หนูจะทำตามคนที่ทำให้หนูได้รับenergyอ่ะพี่ เช่น Hahns อาจารย์ นักไวโอลินท่านอื่นๆ ถ้าพี่รู้สึกว่าการดูperformingของคนนี้ทำให้พี่มีกำลังใจที่จะซ้อมต่อหรือใช้ชีวิตต่อ พี่ก็ทำตามคนนั้น ประมาณนี้อ่ะค่ะ ส่วนความตั้งใจน่าจะเป็นเรื่องprivacyมั้งคะ เพราะการตั้งใจซ้อมของแต่ละคนน่าจะไม่เหมือนกัน แต่สำหรับหนูน่าจะประมาณว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ได้มาได้ง่ายๆนะ กว่าจะมาถึงจุดนี้เราต้องผ่านอะไรมาบ้างเราต้องนั่งร้องไห้กับเพลงนี้มากี่ครั้ง แต่สิ่งที่เราแสดงออกมาในวันนี้เราทำเต็มที่ที่สุด จะดีหรือจะไม่ดีก็ต้องยอมรับ ไรงี้ค่ะ

 

-คิดถึงเรื่องที่สอดคล้องกับชีวิตค่ะ ฟังเมโลดี้ว่ามันไปในทิศทางไหนแล้วแต่งเรื่องให้สอดคล้องการดนตรีเพลงนั้นๆขึ้นมาหรือจินตนาการว่าเราอยู่บนเวทีตามแบบที่ไอดอลเรายืนอยู่บนเวลา แบบคิดความรู้สึกนั้นออกมาเลยเวลาดูเค้า

 

-ถ้าก่อนหน้าเล่นก็คงพยายามทำทุกอย่างให้มันแม่นยำที่สุดอ่ะ แบบคิดหลายๆอย่าง ซ้อมแบบละเอียด ให้สมองกับร่างกายมันจำอ่ะ พอถึงเวลาเล่นก็ปล่อยใจ55555 เพราะคิดว่าถ้าซ้อมจนนิ้วหรือร่างกายมันจำ พอถึงเวลาเล่นมันก็จะได้ไม่ต้องคิดถึงพวกนั้นแล้วอ่ะ ที่นี้ก็ใช้หูละให้ร่างกายมันปรับเอา ส่วนตอนเล่นก็แค่คิดว่าจะไปสนุกอ่ะ เพราะถ้ากังวลไปยังไงคนฟังก็รู้สึกอ่ะ ถึงรอบนั้นจะเล่นแย่แต่ถ้ารู้สึกสนุกหรือแฮปปี้ก็โอเคละนะ ประมาณนั้น

ยากเหมือนกันนะถ้าใจไม่พร้อมเนี่ย คงนั่งสมาธิให้ใจมันนิ่งละก็เชื่อ ต้องเชื่อก่อน

 

-เรารู้สึกว่ามันต้องมีอินเนอร์ก่อน แบบต้องรู้เรื่องราวของเพลง รู้สไตล์ ถ้าเล่นคลาสสิคแต่เล่นแบบป๊อปมันก็ผิด อินเนอร์กับทฤษฏีควรจะไปคู่กันให้มันพอดี ฟังเยอะๆเวลาเล่นไม่ว่าจะตัวเองหรือเพื่อนๆ และอีกอย่างที่สำคัญมากคือเราเล่นเพื่อใคร

 

-สำหรับเค้ามันเกี่ยวกับฮาโมนี่ที่กำลังเล่นอยู่ว่าคอร์ดมันเดินทางไปยังไง มันสร้างความรู้สึกยังไง และดูบริบทของเพลงด้วยว่าระหว่างที่เพลงนี้เกิดขึ้นมันมีเหตุการณ์อะไรอยู่รอบๆบ้าง คนแต่งมีจุดประสงค์อะไร(ถ้ายุคโรแมนติกอ่ะนะ) หรือเพลงนี้ใช้ในเนื่องโอกาศอะไร ประมาณนี้ ถ้าเป็นเรื่องความรู้สึกข้างในคงเอาประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยเจอมามาเทียบกับเหตุการณ์ในเพลงแล้วเล่นออกมา แต่ส่วนใหญ่เค้าก็ดูฮาร์โมนี่ก่อนว่าโน้ตที่เราเล่นอยู่มันเดินทางยังไง ควรเล่นให้เป็นยังไงเพื่อเข้ากับคอร์ดในตอนนั้น

 

-สี แล้วก็ keywords ความเข้าใจโครงสร้างของเพลงแล้วก็ตีความออกมาในรูปแบบของเราเอง

พี่จะพยายามสื่อออกทางเสื้อผ้านะ ไม่ใช่แค่ดนตรี แม้แต่ความรู้สึกที่มีต่อคนอื่น พี่ก็พยายามใส่เสื้อหรือสีที่เป็นนัยต์ว่าพี่รู้สึกยังไงกับเค้า

 

-จิตนิ่ง ก้ต่อเมื่อมั่นใจว่าทำได้ หรือเตรียมพร้อมมาดีแล้ว ฝึกฝนจนแน่ใจว่ายังไงก็ทำได้ ส่วนเรื่องตื่นเต้นเพราะคนดู จะคิดตลอดว่า เค้ามาฟังเรื่องราวของเราที่เก็บไว้ สิ่งต่างๆที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ จงทำให้ดีที่สุด

 

-ไม่เล่นมือถือก่อนจะเล่นดนตรี แบบเล่นเกมส์เล่นอะไรที่จ้องหน้าจอนานๆอ่ะ ถ้าแวบๆโอเค มันเหมือนทำให้ไม่มีสมาธิอ่ะ

 

-มีความคิดเห็นยังไง?
เรามีความเชื่อว่าทุกคนมีดนตรีที่เป็นดนตรีของตนเองอยู่แล้ว พูดถึงสไตส์หรืออะไรแบบนี้ แต่มันคงไม่เกิดขึ้นมาจากตัวเราเองทั้งหมดหรอก เป็นไปไม่ได้ มันคือการหยิบยืมของคนโน้นคนนี้นิดๆหน่อยๆ และเราเป็นคนที่หาสิ่งที่ประทับใจจากตรงโน้นตรงนั้นจากรสนิยม มาปรับให้เราพอใจ แล้วเรียกสิ่งใหม่นี่ว่า “ของเรา”

ลึกๆแล้วอยากแสดงสิ่งที่ออกมาจากดนตรีอย่างไร?
อันนี้ส่วนตัวนะ
ความจริงเรามักจะเห็นเสียงเป็นภาพ บางทีจำความรู้สึกก็จำจากภาพเอา ให้จำแบบตรงนี้เบาตรงนี้ดังทำไม่ได้ แต่จะตำเป็นภาพเป็นเรื่องว่าตรงนี้จะบอกอะไร  น่าจะดีถ้าเราพรีเซ้นภาพที่เห็นออกมาเป็นเสียงให้คนรู้สึก (แต่ก็ยังทำไม่ได้เสียที บางทีก็มีท้อเพราะเห็นแต่พรีเซ้นไม่ได้555) นอกจากนั้นคงอยากให้ดนตรีที่ออกมามีจากความจริงใจ มีชีวิต ปราศความกลัว แค่ยังอยากให้มีความตื่นเต้นอยู่

 

-ก่อนอื่นเลยเรื่องนี้อาจจะเป็นปัญหากับใครหลายๆคนเราก็เหมือนกัน เมื่อหลายปีก่อนเราเรียนวิชา Orchestra repertoire แล้วตอนนั้นอาจารย์เค้าเชิญอาจารย์อีกคนที่เคยมีประสบการณ์ออดิชั่นวงหรือมหาลัยในต่างประเทศมาพูดเรื่องการเตรียมตัวออดิชั่น ก็นู่นนี่นั้น แต่เราชอบมากตรงนึงเค้าพูดว่าหลายคนมันจะพูดว่าเนี่ยให้นั่งสมาธิก่อนเล่น ทำสมาธิ 5 นาทีก่อนนู่นนี่นั่น แต่สุดท้ายมันจะไม่มีทางทำได้เลยเพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยฝึกแล้วจะมาหวังพึ่ง 5 นาทีก่อนเล่นมันจะไม่มีทางช่วยอะไรได้เลย ดังนั้นถ้าเราอยากใช้วิธีนี้ในการช่วยต้องเคยฝึกสมาธิมาก่อน

เมื่อปีก่อนเราได้ทำงานกับคนฝรั่งเศสคนนึงคุยไปคุยมาเค้าชอบนั่งสมาธิแล้วเราก็คุยกับเค้าว่าเรามีปัญหาแบบนี้เหมือนกันเรื่องเวลาเล่น เค้าก็บอกว่าเค้าก็มีแลเวก็บอกเนี่ยกำลังทำวิจัยเล็กๆอยู่จะออกเป็นวีดีโอสอนแต่อยู่ในช่วงศึกษาวิจัยเลยชวนเราไปร่วมด้วย วิธีของเค้าคือการโปรแกรมสมอง อื้ม...อาจจะฟังดูงงๆแต่ใช่ เค้าหมายถึงเราควรฝึกสภาพจิตใจให้พร้อมโดยการจินตนาการถึงสิ่งที่เราอยากเล่นหรืออยากให้มันเป็นเช่นก่อนนอนนึกภาพเรากำลังเล่นต่อหน้าคนแล้วเราเล่นดีมาก(ตามแบบที่เราอยากให้มันเป็น) คนฟังมีความสุขกับเรานู่นนี่นั่น ที่สำคัญเราต้องรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ โฟกัสกับมันให้ได้สักวันละ5นาที แล้วแต่เราเลยว่าจะทำช่วงไหน+ฝึกสมาธิด้วยนะ สิ่งสำคัญของการทำแบบนี้คือมันต้องทำทุกวัน อย่างน้อย5นาที ถ้าว่างเยอะอาจจะทำเยอะกว่านี้ในหลายเวลาก็ได้ และที่สำคัญอย่าใจร้อนมันค่อนข้างใช้เวลา แล้วผ่านไปสักพักจะเริ่มเห็นผลว่าก่อนเราเล่นแล้วเราอยากเรียกสมาธิหรือการเล่นที่ดีก่อนเวลาจริงมันจะมาหาเราง่ายขึ้นเราจะนิ่งมากขึ้นแล้วสุดท้ายมันก็จะทำให้เราแสดงศักยภาพที่เราเตียมออกมาได้เต็มที่ เพราะไม่มีกำแพงของสภาพแวดล้อมและจิตใจบัง

แต่ทั้งหมดที่ว่านี่ยังไม่ได้มีผลการยอมรับจากทางการแพทย์ใดๆนะ เป็นเราเป็นเป็นกลุ่มที่แบบกันไปทนลองแล้วก็มาคุยกันว่าผลสัมฤทธิ์มันเป็นยังไง

Question: สภาพแวดล้อมจากสังคมปัจจุบันในยุค21stcenturyนี้มันส่งผลยังไงกับการถ่ายทอดดนตรีของคุณบ้างหรือมันมีส่วนมากระทบการสื่อสารดนตรีของคุณยังไงบ้างมั้ย?

 

Answers: 

-อันนี้ไม่แน่ใจว่าสมัยก่อนนู่นเป็นยังไง แต่สังคมปัจจุบัน ทุกวินาที คือเวลาทอง เป็นสังคมทีมีแต่การแข่งขัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า นักดนตรีรุ่นใหม่หลายๆคน ฝึกซ้อมอย่างหนัก เทคนิคเป๊ะ ทุกอย่างเป๊ะ แต่มีน้อยคนที่จะใช้เวลาสนุกไปกับมันจริงๆ ความเครียดสะสม แต่ในทางกลับกัน สำหรับคนบางกลุ่ม สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงความกดดัน อาจใช้เป็นพลังหรือแรงขับเคลื่อนหนึ่ง ในการ express music ออกมาได้ ดนตรี contemporary เป็นแนวดนตรีที่หลายๆคนฟังแล้วคิดว่า มันคือ chaos, แต่มันถูกขับเคลื่อนมาจากสังคมและสภาพแวดล้อมในยุคปัจจุบันนี้
ที่คิดว่ากระทบคือ เราไม่สามารถชิลล์กับการเล่นดนตรีเรื่อยเปื่อยได้ คนสมัยนี้ สนใจและให้ความสำคัญกับ perfection มาก ทำให้เรากดดัน แต่ก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆบ้าง

 

-ส่วนใหญ่จะไปไหนๆแล้วได้แรงบันดาลใจกลับมาเล่นละสบายขึ้น มันดีขึ้นมั้ยไม่แน่ใจนะแต่มันเล่นสบายขึ้นอ่ะ

ถ้าในชีวิตประจำวันเลยคือที่ทำงานมันไม่โอเค ยิ่งเราเห็นพลังงานลบๆความคิดคนลบๆก็ทำให้ยิ่งมีแรงอยากซ้อมนะ จะได้ออกไปไกลๆ55

 

-ส่งผลนะ รู้สึกว่าเล่นดนตรีอย่างเดียวไม่ได้ ต้อง”สร้าง”ด้วย พอคิดจะสร้างก็ต้องมองหลายอย่างที่มากกว่าดนตรี ทำให้รู้ว่างั้นคงเรียนดนตรีมองแต่ดนตรีอย่างเดียวไม่ได้แล้ว เพราะโลกหมุนตลอด คนก็เปลี่ยนไปเล่นกัน เราคงต้องสร้างสรรค์งานดนตรีมากขึ้น ให้น่าสนใจและยังคงเป็นตัวเรา อันนี้สำคัญมาก เพราะเวลาผ่านไป โลกหมุนไว คนเยอะแยะ แข่งขัน อยากเป็นโน้นเป็นนี้จนลืมเป็นตัวเอง แม้อาจร่ำรวยจากเงินมี่หามาได้มากแต่ก็ไม่มีความสุข

Question: อยากทราบว่าแต่ละคนมีการเตรียมตัวตัวเองยังไงบ้างถ้าสมมุติว่าจะต้องไปทำการแสดงคอนเสิร์ต นอกจากการซ้อม ได้ทำอย่างอื่นมั่งมั้ยที่จะเสริมสร้างให้การเล่นคอนเสิร์ตของเรามันแบบผ่านไปได้ด้วยดีหรือว่าแบบมันทำให้เราขึ้นไปแสดงแล้วเราเป็นตัวเองมากที่สุด อย่างเช่นบางคนออกกำลังกายเพิ่มด้วย หรือแบบฝึกสมาธิไรงั้น แต่ละคนทำยังไงกันบ้าง?

 

Answers:

- คิดอย่างแรกก่อนเลยว่าเราจะเล่นเพลงนี้ไปทำไม เราทำไปทำไม เราพยายามจะสื่อสารอะไร แล้วก็ถึงจะลงมาดูว่าการที่เราจะสื่อสารแบบนั้นเนี่ยเราต้องเล่นแบบไหน แล้วก็ต้องคิดก่อนว่าที่ทำไปแล้วมันมีความหมายยังไงกับเรา อย่างเพลงเดียวกันเราอาจจะต้องการจะพูดถึงความเศร้า ความหวัง ความโกรธหรืออะไรอย่างงี้ เพราะฉะนั้นเพลงนึงมันสามารถตีความได้ตั้งหลายอย่างจากนั้นค่อยซ้อม แล้วก็การจัดการจัดระเบียบนิ้วมือการจัดระเบียบความแข็งแกร่งของแขนขานั้นมาทีหลัง แล้วระหว่างซ้อมคิดเรื่องเดียวเลยคือหายใจ กิจกรรมคือจะทำด้วยก็คือว่ายน้ำเล่นโยคะเป็นประจำช่วงก่อนจะต้องมีเล่นคอนเสิร์ตหรืออย่างน้อยสามอาทิตย์ก่อนคอนเสิร์ตหรือสัปดาห์ละสองครั้ง แล้วก็ยืดเส้นก็ต้องทำแน่นอนต้องทำทุกวันก่อนจะมีคอนเสิร์ต แล้วก็นอนพักผ่อนให้เพียงพอ

 

- กำลังใจอาจารย์ และก็คิดว่า เราจะเล่นให้เพราะที่สุด คือ แบบ บิ้วอารมณ์ตัวเอง

- จะไม่ซ้อมเยอะมากค่ะ แต่จะฟังเพลงที่เราชอบเยอะๆ ให้สบายใจ จะนอนพักเยอะๆ กินเยอะๆให้ตัวเองรู้สึกดีที่สุด ในวันแสดงจะทำให้ตัวเองสดชื่นที่สุด สบายใจที่สุดและก่อนขึ้นเวทีจะดูรูปนักร้องเมนตัวเองค่ะ555

- ดูยูทูปอ่ะ บางทีซ้อมเยอะละมันล้ามากๆก็พักยาวไปเลย ดูเพลงที่ตัวเองเล่นนี่แหละแต่ดูหลายๆเวอร์ชั่นแล้วนึกโน๊ตกะกดนิ้วบนอากาศ ถ้าเป็นวันคอนเสิร์ตก็จะซ้อมน้อยมากๆเน้นหาคาเฟ่นั่ง กินอะไรหวานๆทำตัวชิวสุดๆไปเลย

- เป็นแบบก่อนคอนเสิร์ตได้ปะ ก่อนคอนเสิร์ตจะแบบ ไปนั่งหาที่เงียบๆ อยู่กับตัวเอง ตั้งสมาธิแบบคนเดียวเลย ซัก1ชม.ก่อนเล่น

- ทำอะไรก้ได้ที่ไม้ทำให้เครียด ที่ไม่ใช่ซ้อม เช่นดูซีรี่ย์ เล่นเกม หรือไปหาไรทำข้างนอกแต่เราต้องซ้อมก่อนหน้านั้นให้พอ แล้วพอใกล้ๆวันแล้วจะซ้อมน้อยลง หลังจากนั้นวันจริงจะเน้นซ้อมแค่ตอนขึ้นเพลง แล้วก็ทวนๆท่อนที่ไม่แน่ใจ แต่ไม่มาก ละออกไปเดินเล่นสูดอากาศ แล้ววอร์มนิ้วอีกรอบก่อนเล่น

- ก่อนเล่นก็พักผ่อนร่างกายจิตใจ โดยออกกำลังกายเบาๆ กินอาหารเบาๆ นอนเยอะๆ อ่านหนังสือหรือเขียนบันทึกแทนการเล่นโทรศัพท์

- เราเชื่อในการเตรียมตัวระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ในส่วนของระยะสั้นน่าจะเป็นเรื่องปกติสำหรับการเตรียมใจ, พักผ่อนให้เพียงพอ, ตั้งสมาธิ แต่สำหรับเราโชว์จะออกมาดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับ การเตรียมตัวระยะยาวมากกว่า การเตรียมตัวระยะยาวก็แบ่งเป็นเรื่องใหญ่ประมานนี้

1. การซ้อม : การซ้อมเราก็จะมีทั้งแผนระยะสั้น กับระยะยาว, เช่น เทอมนี้ฉันจะเล่น เพลง ก,ข,ค นี่คือแผนระยะยาว. แผนระยะสั้นคือ เราก้มาดูว่า 1 เทอมมี 5 เดือน

1 เดือนแรกเราอาจจะแกะโน้ตทั้งหมด โดยแบ่งเป็นสัปดาห์แรก เพลง ก ใน 1 สัปดาห์ จะซ้อมวันละ 4 ชม. โดยที่ 4 ชม. นี้จะแกะโน้ต 1 หน้า แล้วทำแค่ 1 หน้าให้

เพอเฟคโดยไม่ต้องวอกแวก ถ้าเสร็จก่อนเวลาก็เลิกซ้อมเลยถือว่าให้รางวัลตัวเอง หลังจากแผนแกะโน้ตก็วางแผนต่อๆไป.... แต่นอกจากเพลงแล้วสิ่งที่สำคัญคือการซ้อม เทคนิคและกล้ามเนื้อเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเพลงที่กำลังเล่น อันนี้ก็ต้องบริหารเวลาดีๆ แต่ส่วนตัวเวลาซ้อม จะซ้อมเทคนิคนิ้ว 30 นาที เทคนิคโบว์ 15-30 นาที ทุกครั้งก่อนเริ่มเพลง

2. ร่างกาย อันนี้แล้วแต่คนนะ ในใจก็เชื่อว่าถ้าออกกำลังกายอาจจะช่วยทำให้เล่นดีมากขึ้น แต่ยังไม่เคยลองทำ แต่ในเรื่องของการพักผ่อน เราคิดว่า ควรนอนให้ครบ 8-9 ชม. ต่อวัน เพราะบางครั้งที่นอนไม่ถึง 8 ชม. จะสังเกตตัวเองได้ว่า จะไม่ค่อยมีสมาธิ วอกแวกง่าย, เหนื่อยง่าย, แล้วก็พักระหว่างซ้อมบ่อย

3. ด้านอื่นๆ เราคิดว่า การอ่านหนังสือ ฟังเพลง แล้วก็วิเคราะห์เพลง หรือแม้กระทั่งเข้าคลาสที่เกี่ยวกับการแอคติ้งบนเวที (ต้องทำท่าทางยังไง, หรือหน้าตายังไง เพื่อช่วยสื่ออารมณ์ให้คนอินมากขึ้น) มันเป็น สิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่เอามาประกอบกัน เพื่อเพิ่มความน่าสนใจในโชว์ของเรา เพราะถ้าเราเข้าใจถึงประวัติเพลงและทำนองเสียงประสานของมันแล้ว เราเชื่อว่า เราจะสามารถสร้างเรื่องราวและเสียงให้เป็นในแบบของเราได้ บวกกับ แอคติ้งอีกเล็กน้อย อาจจะช่วยเสริมอารมในบทเพลงที่เราต้องการสื่อได้ดีมากยิ่งขึ้น น่าจะประมานนี้ อ้อแต่ถ้าก่อนรีจริงๆจะเตรียมตัวยังไง ก็จะเช็คความพร้อมเครื่องดนตรี ,นอนให้พอ, 1 คืนก่อนรี กูชอบไปเที่ยว ให้มันผ่อนคลาย, แล้วก็ตอนรีก็ทำให้เต็มที่ อ้ออันนี้ไม่เคยบอกใครเลยแฮะ ก่อนรี กูจะมีประโยคนึงท่องไว้ตลอด "One day you'll leave this world behind So live a life you will remember." ทั้งหมดก็ประมานนี้

- ความจริงวิธีของกุค่อนข้างแปลกๆที่ค้นพบว่าโอเคคือส่วนใหญ่การเตรียมจะมี 3 อย่าง

1.เครื่องดนตรี: อันนี้ก็ต้องเตรียมให้ดี สายเสื่อม สายนานก็ต้องเปลี่ยนบลาๆ

2.สภาพร่างกาย: ก็เน้นนอนให้พอ วันแสดงจะพยายามไม่ตั้งนาฬิกาปลุก เพราะรู้สึกว่าพอร่าฃกายมันตื่นแบบไม่ธรรมชาติแล้ว มันจะรู้สึกไม่สดชื่น555 อีกอย่างก็ต้องเตรียมยาลดน้ำมูกไปด้วย บางทีพอมีน้ำมูกหรือคันจมูกตอนเล่นนี่คือที่สุด เสียสมาธิ แล้วก็ทรมานมากๆ

3.สภาพจิตใจ: คือต้องจัดการกับความตื่นเต้นเป็นส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่จะเตรียมมาตั้งแต่คืนก่อน ความจริงชอบเขียนไดอารี่นะ ระบายความตื่นเต้น กังวล ทำให้ใจมันเบาๆขึ้น อ้อกินช็อกโกแลตด้วย เยียวยาให้มีพลังใจ อันสุดท้ายพึ่งมาค้นพบเมื่อก่อนคือคิดว่าต้องมีพื้นที่มห้ตัวเองก่อนเล่นคอน แต่สำหรับกุแล้วแม่งไม่ใช่ พอยิ่งอยู่คนเดียวยิ่งคิดมาก ยิ่งตื่นเต้น การอยู่กับเพื่อนคุยจนถึงเวลาเล่นจริงก็เป็นฟิลที่ดี ปล.อย่างรีปีที่แล้วกุเปิดโทรศัพเป็นโหมดเครื่องบินก่อนรี1ชม.กว่า เพราะไม่อยากรับโทรศัพท์ กลัวเป็นเรื่องที่พาซีเรียส555

- ออกกำลังกายเล็กๆ ยืดกล้ามเนื้อ

- คุยกับเพื่อนให้ไม่คิดว่าตัวเองจะกำลังต้องเล่นคอนเสิร์ต

- ซ้อมเทคนิคหลายๆเเบบเพื่อเป็นการออกกำลังกายไปในตัวเวลาซ้อม ฟังเพลงที่จะเล่นจากหลากหลายคนเพื่อหาทางตัวเองเวลาจะเล่นเองด้วย เพื่อให้ตัวเองมีสไตล์การเล่นของตัวเอง

bottom of page